GraphQL vs REST API: เมื่อไหร่ควรเลือกใช้อันไหน?

GraphQL vs REST API: เมื่อไหร่ควรเลือกใช้อันไหน?

ในปัจจุบัน การพัฒนา API เป็นส่วนสำคัญในการสร้างแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น REST (Representational State Transfer) เป็น Architecture ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ขณะที่ GraphQL ซึ่งถูกพัฒนาโดย Facebook ในปี 2012 ได้กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักพัฒนาในการจัดการกับข้อมูลที่ซับซ้อน

บทความนี้จะเปรียบเทียบระหว่าง GraphQL และ REST API ในด้านต่างๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจว่าเทคโนโลยีใดเหมาะสมกับโครงการของคุณ


1. Architecture และ Fundamental Concepts

REST API

  • Architecture แบบ Resource-Oriented: ใช้ HTTP methods (GET, POST, PUT, DELETE) เพื่อจัดการกับ resource
  • หลาย Endpoint: แต่ละ Endpoint แทน resource
  • การส่งข้อมูลแบบ Fixed Structure: เซิร์ฟเวอร์กำหนด Format ของ Resource ที่จะส่งกลับมา

GraphQL

  • Architecture แบบ Query Language: ใช้ภาษา Query ในการขอ Data
  • Single Endpoint: ใช้ Endpoint เดียวสำหรับทุก request
  • Client-Defined Data Fetching: Client สามารถกำหนด Format และ Data type ที่ต้องการ

2. ประสิทธิภาพ (Performance)

Over-fetching และ Under-fetching

  • REST API: มีปัญหาเรื่อง Over-fetching (ได้รับ Data กลับมามากเกินความจำเป็น) และ Under-fetching (ได้รับ Data ไม่พอ ต้องทำหลาย Request)
  • GraphQL: แก้ปัญหาด้วยการให้ Client ระบุข้อมูลที่ต้องการอย่างชัดเจน ลดจำนวน Request และขนาดของ Data ทั้ง Payload และ Resource

Network Traffic

  • REST API: อาจต้องทำหลาย Request เพื่อดึง Data ที่ซับซ้อน
  • GraphQL: ลดจำนวน Request ด้วยการรวมหลาย Query ใน Request เดียว

Caching

  • REST API: การแคชทำได้ง่ายด้วย HTTP caching mechanisms
  • GraphQL: การแคชซับซ้อนกว่า ต้องใช้เครื่องมือเพิ่มเติม เช่น Apollo Client

3. ความเร็ว (Speed)

Response Time

  • REST API: การทำหลาย Request อาจเพิ่มเวลาในการ Response
  • GraphQL: ลดเวลาในการ Response ด้วยการรวม Request แต่การ Process ที่เซิร์ฟเวอร์อาจซับซ้อนขึ้น

Server Processing

  • REST API: Process ที่เซิร์ฟเวอร์น้อยกว่า เพราะ Data Structure คงที่
  • GraphQL: เซิร์ฟเวอร์ต้องประมวลผล Query และสร้าง Data ตามที่ Client Request มาอาจเพิ่มโหลดในการ Process

4. การรองรับโหลด (Load Handling)

Scalability

  • REST API: สเกลได้ง่ายด้วยการเพิ่มเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากการประมวลผลไม่ซับซ้อน
  • GraphQL: ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากต้องประมวลผล Query ที่ซับซ้อน

Rate Limiting

  • REST API: การจำกัด Request ทำได้ง่ายกว่า
  • GraphQL: การจำกัด Request ต้องพิจารณาที่ระดับ Query เนื่องจาก Request หนึ่งอาจซับซ้อนมาก

Monitoring

  • REST API: การติดตามและวิเคราะห์ทำได้ง่ายด้วยเครื่องมือทั่วไป
  • GraphQL: ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะในการตรวจสอบ Query และประสิทธิภาพ

5. การเรียนรู้ (Learning Curve)

REST API

  • ง่ายต่อการเรียนรู้: เนื่องจากใช้มาตรฐาน HTTP และแนวคิดพื้นฐานที่เป็นที่รู้จัก
  • มีเอกสารและชุมชนขนาดใหญ่: มีแหล่งข้อมูลและตัวอย่างมากมาย

GraphQL

  • Learning Curve สูงกว่า: ต้องเรียนรู้ภาษา Query และแนวคิดใหม่ๆ
  • เครื่องมือและ Best Practices ยังพัฒนาอยู่: อาจต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและปรับตัว

6. การเปรียบเทียบในมิติต่างๆ

ความยืดหยุ่น

  • REST API: Data Structure คงที่ ทำให้การปรับเปลี่ยนต้องทำที่ Server
  • GraphQL: Client สามารถระบุข้อมูลที่ต้องการได้ ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง

ความปลอดภัย

  • REST API: การจัดการ Permission และการตรวจสอบทำได้ที่ระดับ Endpoint
  • GraphQL: ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ที่ระดับ Field และ Query อาจซับซ้อนกว่า

การจัดการข้อผิดพลาด

  • REST API: ใช้ HTTP status codes ที่มาตรฐาน
  • GraphQL: มีรูปแบบการส่งข้อผิดพลาดเฉพาะ ต้องจัดการเพิ่มเติม

เอกสารและ Schema

  • REST API: Document อาจไม่สอดคล้องกัน ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนา
  • GraphQL: มี Schema ที่ชัดเจน ทำให้การสร้าง Document อัตโนมัติเป็นไปได้

เครื่องมือและการสนับสนุน

  • REST API: มีเครื่องมือและเฟรมเวิร์คมากมายสำหรับภาษาโปรแกรมต่างๆ
  • GraphQL: เครื่องมือกำลังเติบโต แต่ยังน้อยกว่า REST

สรุป

ควรเลือกใช้แบบไหน?

  • เลือก GraphQL หาก:
    • ต้องการความยืดหยุ่นในการดึงข้อมูล
    • ต้องการลดจำนวน Request และขนาดของข้อมูลที่รับส่ง
    • โครงการมีความซับซ้อนและต้องการปรับเปลี่ยนข้อมูลบ่อย
  • เลือก REST API หาก:
    • ต้องการ Architecture ที่เรียบง่ายและมาตรฐาน
    • ทีมงานคุ้นเคยกับ REST และต้องการลด Learning Curve
    • ต้องการ Performance ในการประมวลผลที่ Server

Read more

การทำ Data Migration และ Seeder: คู่มือสำหรับ Developer

การทำ Data Migration และ Seeder: คู่มือสำหรับ Developer

ถ้าพูดถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับ Database หนึ่งในความยุ่งยากที่สุดคือการจัดการ Database structure ที่เปลี่ยนไปตามฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา เช่น เพิ่มตาราง (Table) เปลี่ยนชนิดข้อมูล (Data type) หรือลบฟิลด์ (Field) ออกไป และแน่นอนว่

By maimem
เช็ค Internet จากเว็บ: ทำยังไงให้รู้ว่าออกเน็ตได้จริง?

เช็ค Internet จากเว็บ: ทำยังไงให้รู้ว่าออกเน็ตได้จริง?

เคยเจอไหมครับ เวลาใช้งานเว็บไซต์แล้วอยู่ดี ๆ ก็โหลดข้อมูลไม่ได้ หรือ API เงียบหายไม่มีการตอบกลับ? หลายครั้งเรามักสงสัยว่า "ตกลงปัญหาอยู่ที่ตัวเรา เซิร์ฟเวอร์ หรือ Internet กันแน่?" วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่อง "การตรวจสอบสถานะการเชื่อมต่

By maimem
Rust Series #2 - รู้จัก Cargo: ผู้ช่วยส่วนตัวของโปรเจกต์ Rust!

Rust Series #2 - รู้จัก Cargo: ผู้ช่วยส่วนตัวของโปรเจกต์ Rust!

ถ้าคุณเริ่มต้นเขียน Rust แล้วรู้สึกว่า “เฮ้ย! Rust เจ๋งแหะ” ก็ขอแสดงความยินดีครับ คุณเพิ่งเจอเพื่อนแท้ในโลกโปรแกรมมิ่ง! แต่เดี๋ยวก่อน... ถ้าต้องเขียนโค้ดโปรเจกต์ใหญ่ ๆ บริหารไลบรารี ดูแลไฟล์ต่าง ๆ หรือทดสอบโค้ดทุกวั

By maimem
ซ่อน Credential ใน AWS CodeBuild ให้ปลอดภัยด้วย Parameter Store

ซ่อน Credential ใน AWS CodeBuild ให้ปลอดภัยด้วย Parameter Store

ทำไมต้องซ่อน Credential? ในโลกของ DevOps และ Cloud Computing การจัดการ Credential (ข้อมูลรับรอง เช่น API Keys, Passwords, หรือ Secrets ต่างๆ) เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะ Credential เปรียบเสมือนกุญแจที่เปิดประตูไปสู่ทรัพยากรสำคัญในระบบ เช่น ฐานข้อมูล

By maimem